[ย่อยPodcast] แค่ปรับแนวคิดแล้วเราเริ่มมีความสุขกับงานที่ทำ

Yanisa H. #AiFitLog
2 min readJan 5, 2021

วันนี้มาย่อย Podcast จากช่อง The Secret Sauce ตอนที่ 88 5 วิธีคิดเปลี่ยนงานที่ทำไปวันๆ ให้กลายเป็นงานในฝันที่มีความหมายกับชีวิต

เคยสงสัยไหมคะว่าเรามีชีวิตไปเพื่ออะไร เราตื่นเช้าขึ้นมาออกไปทำงานทุกวันนี้มันเพื่ออะไรกันแน่

Photo by Simon Migaj from Pexels

วันนี้จะมาย่อย Podcast ที่พึ่งฟังมาให้ได้ลองสำรวจตัวเองกันดูนะคะ มันไม่ได้จะตอบคำถามที่ว่า “เราเกิดมาเพื่ออะไร” มันแค่จะช่วยเพิ่ทความชัดเจนว่า งานที่เราทำอยู่ เราทำมันไปเพื่ออะไร และตัวอย่างการปรับมุมมองเพื่อให้เรามีความสุขกับงานที่เราทำ

งานที่เราๆทำกันอยู่เนี่ย จริงๆแล้วแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกันค่ะ นั่นคือ Job, Career และ Calling เดี๋ยวมาลองไล่ไปทีละอันกันเลยดีกว่า

Job

ก็ตรงตัวนะคะ Job เป็นงานแบบที่เราทำเพื่อยังชีพ เพื่อผลตอบแทนที่เราจะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิต (เงินนั่นเอง) เป็นงานแบบที่เราไม่ได้ Enjoy ไปกับมัน แค่ทำไปให้ได้ตัง ถ้าถามว่าชอบงานที่ทำไหม ก็ตอบได้ว่าก็เฉยๆ เราทำไปเพราะเราทำได้ ไม่ได้สนใจจะทำให้มันดีขึ้นหรือหมดเวลางานแล้วจะไปศึกษาเพิ่มเติม เราเฝ้ารอคอยวันหยุดสุดสัปดาห์เพื่อที่จะได้ไปอย่างอื่นที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานหลักเลย และเรารู้สึก สนใจและ Enjoy กว่า

Career

มันคือขั้นกว่าของ job เราไม่ได้ทำเพียงทำแค่ให้ได้เงิน เราสนใจ อยากจะได้อย่างอื่นจากมัน เช่น ได้เรียนรู้ในสายงาน อยากเก่งขึ้น ได้รับการโปรโมท ได้สนุกไปกับการแข่งขัน มีเป้าหมาย สุดท้ายคือมีความสนุกกับงานที่ทำ มองเห็นอนาคตของมันแล้วอยากจะไปจุดนั้นให้ได้

Calling

เป็นงานที่เรียกได้ว่าเป็นงานในฝัน งานที่เป็นความหมายของการมีชีวิตอยู่ของเรา งานและตัวตนของเราหลอมหลวมกันเป็นสิ่งเดียว ถ้าเทียบกับ Job ที่เราอยากจะหนีๆมันไปทำอย่างอื่นแล้วนั้น Calling เป็นสิ่งที่เราไม่อยากหนี นอกเวลางานก็เฝ้าคิดถึง มี Passion ในตัวงาน ให้ทำทุกวันไม่มีวันหยุดก็ยังอยากที่จะทำ

ถ้าเพื่อนๆลองถามตัวเอง แล้วงานของเพื่อนๆไปตกอยู่ในช่อง Career หรือ Calling ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากเลยค่ะ สำหรับคนที่ยังงงๆอยู่ ใน Podcast บอกว่าให้ลองตอบคำถาม 4 ข้อนี้ดูค่ะ

ส่วนไหนของงานที่มีความหมายต่อตัวเราหรือคนอื่น ?

หลังจากหมดวัน เราภาคภูมิใจในงานมากแค่ไหน ?

ถ้าไม่ได้เงิน ยังอยากจะทำต่อไหม ?

มีความอยากที่จะเติบโตในสายงานต่อไหม ?

หวังว่าคำถามเหล่านี้จะช่วยทำให้คำตอบในใจชัดเจนขึ้นนะคะ

ถ้าหากงานไปตกลงช่อง Job แล้วล่ะก็…ไม่ได้จะให้ย้ายงานนะคะ นั่นเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งเท่านั้น อีกทางหนึ่งคือ ปรับที่ Mindset ของตัวเรา ก่อนจะเข้าสู่วิธีการเปลี่ยนงานให้เป็น Calling เนี่ย ขอนำตัวอย่างงานหนึ่งให้ฟังก่อนแล้วกัน

ใน Podcast ยกตัวอย่างมา 1 งานที่อัยย์มองว่าแนวคิดของเขาค่อนข้างน่านับถือทีเดียว นั่นคือ อาชีพพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำสนามบินในญี่ปุ่น หลายๆคนอาจจะมองว่า ก็แค่งานทำความสะอาดห้องน้ำเอง ยังไงๆก็ต้องเป็น Job แน่นอน แต่สำหรับเคสนี้ เจ้าของงานมองว่ามันเป็น Calling ค่ะ เขาบอกว่า อาชีพของเขานั้น เป็นหน้าเป็นตาของประเทศญี่ปุ่น นักท่องเที่ยวที่ได้มาใช้บริการห้องน้ำ แล้วเห็นห้องน้ำสะอาด ต้องเอากลับไปบอกเพื่อนๆของเขาที่ประเทศเขาแน่ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เขาก็ตั้งใจทำหน้าที่ของตนเองอย่างมีความสุขและภาคภูมิใจในทุกๆวัน

เป็นเคสที่น่ารักมากๆเลยล่ะค่ะ ฟังแล้วชื่นใจแทน

เพิ่มเติมจากอัยย์: เท่าที่อ่านหนังสือและบทความมา อัยย์คิดว่า Calling เหมือนกับ Ikigai(อิคิไก) สิ่งที่เป็นเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ ถ้าลองเอาคำๆนี้ไปเสิร์จก็เจอแผนภาพวงกลม 4 วง ประกอบไปด้วย สิ่งที่รัก, สิ่งที่เราทำได้ดี, สิ่งที่ทำแล้วได้ผลตอบแทน และสิ่งที่โลกต้องการ อิคิไกคือจุดที่อยู่ตรงกลาง ตรงที่วงกลมทั้งสี่ซ้อนทับกัน ส่วนความหมายของอิคิไกหลังจากนี้มันแล้วแต่ผู้อ่านจะตีความเลยค่ะ

Toronto Star Graphic via Dreamtime

ถ้าลองศึกษาอิคิไกมาแล้ว ส่วนตัวอยากแนะนำให้อ่านบทสัมภาษณ์ของ พี่อ๋อง หรือ คุณวุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ ผู้แปล อิคิไก: ความหมายของการมีชีวิตอยู่ นะคะ เป็นอีกมุมหนึ่งที่น่าสนใจทีเดียวเลยค่ะ

--

--

Yanisa H. #AiFitLog

Developer 👩‍💻 / Diet & Skincare enthusiast #AiFitLog